Seraphine Riot

แฟนเกมเดือดด่า Riot เละ! สรุปดราม่าแชมเปี้ยนใหม่ Seraphine

LoL บทความ

หลังทาง Riot Games ปล่อยแชมเปี้ยนตัวที่ 152 ของเกม League of Legends อย่าง Seraphine ออกมาให้แฟน ๆ ได้เล่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสของแชมเปี้ยนตัวใหม่นี้จะเป็นไปในทางลบมากกว่าทางบวกเสียอย่างงั้น

เรียกได้ว่ามีดราม่าเยอะมาก ๆ สำหรับแชมเปี้ยนใหม่อย่าง Seraphine โดยตอนนี้คลิป Champion Spotlight ฝั่ง ENG ของเธอนั้นมีแฟนเกมไปถล่มกด Dislike กันเกือบแสนครั้งแล้วเมื่อเทียบกับจำนวนไลก์ที่มีเพียงแค่ 4 หมื่นกว่าเท่านั้นเอง 

Seraphine Riot

ส่วนฝั่งเกาหลีก็ใช่ย่อย เพราะตอนนี้คลิป Champion Spotlight ของเธอในเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีนั้นมียอดไลก์เพียงแค่ 911 เท่านั้น ส่วนยอด Dislike ปาเข้าไปเป็นหมื่นแล้ว ทำให้ Seraphine กลายเป็นแชมเปี้ยนที่มียอด Dislike มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เคยมีคลิป Champion Spotlight มา

Seraphine Riot

โดยก่อนหน้านี้ทาง Riot เคยมีคลิป Spotlight ที่มียอด Dislike มาก ๆ อยู่ 2 คลิปด้วยกันคือของ Yorick และ Gangplank สองคลิปมียอด Dislike กว่าหมื่นก็จริงแต่ก็ยังน้อยกว่ายอด Like ซึ่งพอมาเทียบกับทาง Seraphine แล้วนั้นเรียกได้ว่ายอด Like กับ Dislike นี่ห่างกันคนละเรื่อง 

https://youtu.be/7_OedXmyNgc

ส่วนคลิปแชมเปี้ยนสปอตไลต์ของฝั่งภาษาไทยนั้นดูเหมือนจะได้รับความนิยม และไม่มีแฟนเกมแห่ไปกดถล่ม Dislike แต่อย่างใด อีกทั้งยังมีคลิปเวอร์ชั่น ภาษาอีสาน ภาษาใต้ ภาษาเหนือ เข็นออกมาให้แฟน ๆ ได้ดูกันอีกด้วย และยังมีแฟนเกมเอาคลิปไปพากย์เป็นภาษาลูอีกต่างหาก

ทำให้พอจะเข้าใจได้ว่าแฟนเกมในไทยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแม่สาวน้อย Seraphine มากนัก นอกจากนี้ยังมีเหล่า Cosplayer ชาวไทยหลายคนต่างพากันคอสเธอกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย (ไปส่องกันได้ที่ #Seraphine

ส่วนฝั่งแฟน ๆ ที่ไม่พอใจในแชมเปี้ยนตัวใหม่นี้นั้น เพราะอะไรทำไมพวกเค้าถึงได้เกรี้ยวกราดกันขนาดนี้เราลองมาค่อย ๆ หาเหตุผลกัน

เรารู้จัก Seraphine ตอนไหน ?

ก่อนอื่นต้องย้อนไปในช่วงแรก ๆ ที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักแม่สาวไอดอลช่างฝันคนนี้กันก่อน Seraphine ปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนทาง Twitter และ Instagram ในฐานะนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ 

Seraphine Riot

Seraphine มีภาพลักษณ์เป็น Virtual character ที่เหมือนกับมีชีวิตอยู่บนโลกนี้จริง ๆ โดยแต่ละวันเธอจะอัปเดตสเตตัสของเธอเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอทำหรือเรื่องที่เธอคิด รวมถึงมีการโพสต์รูปเซลฟี่อยู่บ่อย ๆ ตามสไตล์เด็กสาวทั่วไป

ก่อนที่เธอจะเริ่ม Cover เพลง POP/STARS ของ K/DA และสุดท้ายก็ประกาศร่วมงานกับทาง K/DA ในเวลาต่อมา ทำให้คอนเฟิร์มได้ทันทีว่า เธอจะเข้ามาเป็นแชมเปี้ยนตัวใหม่ให้กับเกมแน่นอนตามข่าวที่แฟน ๆ ลือกัน

Image for post

มีอยู่วันนึงเธอรู้สึกดาวน์เลยมาบ่นลงใน Twitter จนมีหลายคนตามมาให้กำลังใจเธอกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีแฟน ๆ ของเธอหลายคนเข้าใจปัญหาของเธอดี เพราะพวกเค้าเหล่านั้นก็กำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตด้วยเช่นกัน

ซึ่งแฟน ๆ หลายคนมองว่าเธอเป็นหนึ่งในตัวละครใหม่ของเกม League of Legends และแอคเคาท์โซเชียลมีเดียทั้งหลายนี้ ก็เป็นเพียงแค่การตลาดหรือการโปรโมทตัวละครใหม่ รวมถึงเป็นการโปรโมทสกินใหม่ที่จะเข้ามาขายในเกมเท่านั้น

หลายคนก็รู้สึกไม่พอใจว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Riot ทำการตลาดหากินกับแฟนเกมอย่างนี้หรือ ? และยังถึงขนาดใช้โรคทางจิตเวชมามีส่วนในการโฆษณาเพื่อเรียกความสนใจและทำให้คนที่เป็นโรคนี้เข้าใจเธอมากยิ่งขึ้น และมีความรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธออีกต่างหาก

โดยโพสต์จุดประเด็นน่าจะเป็นช่วงวันที่ 10 ตุลาคม หรือวันสุขภาพจิตโลก ที่เธอออกมาโพสต์ว่าเธอกำลังจะไปเซี่ยงไฮ้เพื่อเตรียมขึ้นแสดงกับ K/DA ในอีก 2 วัน แต่เธอกลับรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก เธอจึงโพสต์ขอกำลังใจจากแฟน ๆ

Seraphine Riot

ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายคนที่รู้สึกอินไปกับเธอและออกมาให้กำลังใจเธอกัน แต่ก็หลายคนที่รู้สึกไม่พอใจกับการตลาดของ Riot เป็นอย่างมาก

หนึ่งในนั้นคือ Natalie Flores นักเขียนจาก fanbyte ที่ออกมาเขียนโจมตีว่า

“นี่ไม่ใช่สาวน้อยช่างฝันที่ลึก ๆ มีจิตใจที่เปราะบาง และกำลังเผชิญความกดดันและความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ” 

“แต่มันเป็นเพียงการตลาดที่ ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มาเป็นเครื่องมือเพื่อขายสินค้าให้คนที่มีโอกาสซื้อมันเท่านั้นเอง ”

Seraphine Riot

นอกจากนี้ยังมีแฟนเกมใน YouTube ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกว่า

“มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวนะ แต่สำหรับคนที่อ่อนไหวง่ายล่ะ ? ฉันเคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า เค้าอินกับ Seraphine มาก ๆ ด้วยนิสัยที่ขี้อายซุ่มซ่าม และทำอะไรก็ไม่ดีเลยซักอย่างของเธอ อีกทั้งภาพลักษณ์ที่เป็นนักแต่งเพลงอินดี้ที่มุ่งมั่นที่จะสู้เพื่อความฝันนั้น ทำให้ตัวเค้ามีอารมณ์ร่วมกับตัวเธอมาก ๆ จนไม่ได้สนใจเลยว่านี่เป็นการโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายของสกินเท่านั้น “

ถัดมาที่ความเห็น YouTuber คนหนึ่งอย่าง Skooch ที่ออกมาพูดว่า “ Seraphine ในด้าน Concept มันเจ๋งมาก ๆ แต่มานึกดูว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือบริษัทมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญที่พยายามเชื่อมต่อโลกในจินตนาการกับความเป็นจริง เพื่อที่จะขายสินค้าแล้วละก็ มันจะดูน่าขยะแขยงขึ้นมาทันที ”

ต่อมาด้วยความเห็นของ Gita Jackson จาก VICE เธอแสดงความเห็นไว้ว่า

Seraphine Riot

” Seraphine โพสต์ว่าเธอต้องลาออกจากงานประจำของเธอในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในขณะที่มีคนกว่า 7 ล้านคนจริง ๆ ที่ต้องตกงาน และในขณะที่มีเด็กสาวหลายคนกำลังทรมานกับปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่นโรคซึมเศร้า รวมถึงผู้คนที่ขาดความมั่นใจในผลงานด้านศิลป์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา การออกมาทวิตของ Seraphine เกี่ยวกับปัญหาของเธอมันก็แค่การสร้างความสัมพันธ์ปลอม ๆ กับเหล่าแฟนเกม League of Legends ก็เท่านั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ”

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก ๆ สำหรับประเด็นนี้ ส่วนตัวมองว่าทางทีมงาน Marketing ของ Riot น่าจะพยายามสร้างเรื่องราวเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้กับแฟน ๆ จริง ๆ นั่นแหละ และเป้าหมายก็เพื่อที่จะขายสกินของเธอเลยไม่รู้สึกแปลกใจที่จะโดนถล่มขนาดนั้น เพราะพลาดไปแตะประเด็นที่ค่อนข้างเปราะบางด้วย

ซึ่งล่าสุดทาง Twitter ของ Seraphine ก็ได้ออกมาประกาศอำลาแฟน ๆ ของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเหตุผลนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นเพราะโดนแฟน ๆ ไปดราม่าใส่หรือเป็นเพราะจบช่วงการโปรโมทตัวละครใหม่และสกินเป็นที่เรียบร้อยแล้วกันแน่

ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง มันก็จะทำให้ยิ่งรุ้สึกแปลก ๆ เข้าไปใหญ่ ที่ทาง Riot พยายามสร้างเรื่องราวมาเพื่อขายของแล้วก็หายไปเฉย ๆ แบบนี้มันดีแล้วเรอะ ทั้ง ๆ ที่สร้างตัวละครตัวนี้มาเพื่อคอยเป็นกำลังใจผู้คน และตั้งใจที่จะสู้เพื่อความฝันไปด้วยกันอะนะ ?

แต่เหตุที่แฟน ๆ ต่างพากันหัวร้อนยังไม่จบเพียงเท่านั้น ประเด็นถัดมาคือเรื่องเนื้อเรื่องของเธอที่เข้าขั้นแปลก ๆ จะเป็นยังไงมาดูกัน

Lore

Seraphine Riot

Seraphine เติบโตมาในเมืองที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่าง Piltover เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความสามารถในการได้ยินเสียงในจิตใจของคนอื่นได้ พอโตขึ้นความสามารถก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนเสียงทุกอย่างมันตีกันไปหมด 

พ่อแม่ของเธอที่ไม่อยากทนเห็นเธอต้องทนทรมานเลยใช้เงินเก็บก่อนสุดท้ายที่มีไปซื้อ Hextech Crystal เพื่อนำมาสร้างอุปกรณ์เพื่อลดทอนพลังความสามารถในการได้ยินเสียงจิตใจคนอื่นของเธอ และด้วยผลของคริสตัลดังกล่าวทำให้เธอได้พบกับความเงียบสงบครั้งแรกในชีวิต

แต่ภายใต้ความเงียบนั้น Seraphine กลับได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงจากคริสตัลนั้น แม้จะเป็นเสียงฟังยากและยากที่จะเข้าใจ แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาจากเสียงนั้น

ในขณะที่เธอกำลังมุ่งมั่นทำตามความฝันในการเป็นนักร้องของเธออยู่นั้น ด้วยความที่เธอได้ยินเสียงความคิดของคนรอบข้างคอยรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา เธอจึงเริ่มหวั่นใจว่าบทเพลงที่เธอร้องมันอาจจะไม่ได้มาจากตัวเธอ แต่มาจากเสียงของคนอื่น

ตอนนั้นเองก็มีเสียงตอบมาจากคริสตัลว่า “พวกเราล้วนถูกหล่อหลอมขึ้นมาจากเสียงของผู้อื่น”

เวลาผ่านไป Seraphine เริ่มที่จะควบคุมพลังของเธอได้มากขึ้น ด้วยการที่เธอมีเสียงจากคริสตัลคอยชี้นำ ทำให้เธอได้เรียนรู้ที่จะขานรับต่อเสียงที่ได้ยินจากคนรอบข้าง แทนที่จะปิดกั้นมันไว้

สุดท้ายแล้ว เธอก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นดาวดวงใหม่ของ Piltover เป็นสาวน้อยที่ใช้พรสวรรค์และ Hextech Crystal ที่เธอมีในการสะท้อนเสียงในใจของทุกคนโดยเฉพาะเสียงของเหล่าผู้คนที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตอยู่ เสียงของคนเหล่านั้นคอยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

ซึ่งประเด็นที่หลายคนรู้สึกแปลก ๆ กับเนื้อเรื่องของเธอคือการที่เธอเอา Hextech Crystal มาใช้เนี่ยแหละ 

Piltover

ก่อนอื่นต้องเล่าย้อนไปก่อนว่า ในเกม League of Legends มีเผ่าพันธุ์แมงป่องชื่อว่า Brackern ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับแชมเปี้ยนอย่าง Skarner โดยเหล่า Brackern เนี่ยอาศัยอยู่กันอย่างสันติสุขที่ Shuriman 

จนถึงช่วงการมาถึงของสงคราม Rune Wars เหล่า Brackern ทั้งหลายจึงตัดสินใจหลบไปจําศีลกันอยู่ใต้ดิน จนเวลาผ่านไปพวกหัวขโมยจากเมือง Shuriman และ Piltover ก็มาขุดเจอพวก Brackern ที่กำลังจำศีลกันอยู่ที่ทะเลทราย และขโมยเอา namestone หรือที่รู้จักกันภายหลังว่า Hextech Crystal ไปจากพวกมัน

ซึ่ง namestone ถือเป็นส่วนสำคัญของพวก Brackern มาก ๆ โดยนอกจากมันจะคอยเป็นแหล่งพลังงานให้พวก Brackern แล้ว คริสตัลแต่ละอันยังเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจ รวมความทรงจำ และภูมิปัญญาจากรุ่นก่อน ๆ อีกด้วย

หลังจากถูกขโมย namestone ไปนั้นพวก Brackern ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่นาน และตายลงในที่สุด โดยหลังจาก Skarner ได้ตื่นจากจำศีลและได้รู้ว่าพี่น้องเผ่าพันธุ์ตายเพราะถูกแย่งคริสตัลไป เค้าจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อตามล่าคริสตัลที่ถูกขโมยไป กลับคืนมา

Skarner

โดย namestone ที่ถูกขโมยไปนั้นถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Hextech Crystal และถูกนำมาใช้เป็นขุมพลังงานหลักของทั้งเมือง Piltover และ Zaun อีกทั้ง Seraphine ก็เอาคริสตัลดังกล่าวมาใช้ทำเวทีของเธออีกด้วย

ซึ่งแทนที่เธอจะพยายามช่วยเอา namestone คืนให้เหล่า Brackern เธอกลับใช้จิตวิญญาณของเหล่า Brackern ในคริสตัลเป็นคนช่วยชี้นำเธอ เพื่อให้เธอสามารถควบคุมพลังของเธอได้ แล้วยังเอา namestone มาใช้เป็นเวทีลอยฟ้าของเธออีกต่างหาก

Piltover

ทำให้หลายคนมองเธอว่าเป็นเด็กเลวขึ้นมาทันที เพราะเอาคริสตัลไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ในทางกลับกัน Riot กลับทำการตลาดให้เธอมีภาพลักษณ์เป็นนักร้องที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และคอยเชื่อมต่อแฟน ๆ ของเธอผ่านทางดนตรี 

พอหลังมีดราม่าเรื่อง Lore ของเธอปะทุขึ้นมา Mark “Tryndamere” Merrill หรือผู้ร่วมก่อตั้งของ Riot Games ก็ไม่รอช้า ออกมาคอนเฟิร์มผ่านทาง Twitter ทันทีว่า Lore ของ Seraphine จะถูกแก้แน่นอน

พอเห็นแบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าทาง Riot ตั้งใจรีบ ๆ เข็นตัวละครออกมาเพื่อขายให้ทันช่วง World Championship และช่วงที่ League of Legends Wild Rift เปิดให้เล่นกันหรือเปล่า

และด้วยความที่ Riot เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ การที่พวกเค้าเขียนเนื้อเรื่องของ Seraphine มาเหมือนกับไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องของ Skarner มาก่อนนั้น ก็ไม่แปลกใจที่จะโดนแฟน ๆ ถล่มด่ากันแบบนี้

Skill

แค่นั้นยังไม่จบเพราะ นอกจาก 2 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรื่องที่แฟนล้อกันหนักมากช่วงที่แชมเปี้ยนตัวนี้ออกมาใหม่ ๆ คือดูจากสกิลแล้ว นี่มัน Sona 2 ชัด ๆ

ทำให้แฟน ๆ หลายคนคิดไปตาม ๆ กันว่า แล้วพี่จะสร้างแชมเปี้ยนที่มีสกิลเหมือน ๆ กันมาทำเพื่อ ! แล้วงี้คนก็เท Sona ไปเล่น  Seraphine กันหมดล่ะสิ

Seraphine Riot

สรุปแล้วดราม่าทั้งหมดทั้งมวล น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากการรีบอยากขายแชมเปี้ยนใหม่ตัวนี้มากจนเกินไปของ Riot เองนั่นแหละ จนสุดท้ายขาดความรอบคอบในการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างไป

สุดท้ายแทนที่พวกเค้าจะสร้างตัวละครไอดอลสาวน่ารักน่าเอ็นดู ผลลัพธ์ดันออกมาตรงกันข้ามแทน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : DAMWON Gaming ประกาศดึงตัว Kkoma อดีตหัวหน้าโค้ช SKT เข้าสู่ทีมแล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *