Dota 2 วงการ Esports ที่การแข่งขันต้องปรับตัวมากมาย หลัง COVID-19

Dota 2

หลังจาก COVID-19 ผู้คนทั้งโลกต้องปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ จะว่าไป 2020 ก็เป็นเลขที่สวยสำหรับการลองเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ อะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แน่นอนว่าโรคนี้ส่งผลร้ายต่อทุก ๆ อย่างที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ อาหารการกิน การท่องเที่ยว (ยกเว้น Delivery วงการนี้รวยเอา ๆ) รวมทั้งสิ่งบันเทิง อย่าง หนัง เพลง ใช่เกมก็เป็นหนึ่งในนั้น และ Dota 2 ก็โดนหนักมาก เผลอ ๆ หนักที่สุด

ถามว่าทำไม? วันนี้มาคุยกัน

Dota 2 หนึ่งในเกม MOBA ที่ทรงอิทธิพลต่อวงการ Esports ไม่น้อยกว่าเกมใด ได้มีการแข่งระดับโลกมามากมายออกมาให้รับชมติดตาม ทั้งที่ทาง Valve Corporation จัดเอง หรือมีคน Organizer เจ้าอื่นจัดให้ ด้วยความยาวนานจึงมี Story มากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากนักแข่งเองก็ดี สื่อต่าง ๆ ก็ดี หรือแม้กระทั่ง The International การแข่งขัน Official จาก Valve เอง ซึ่งทุกปีจะมีการทำลายสถิติเงินรางวัลรวมไปเรื่อย ๆ จากการรวบรวมการใช้สอยจับจ่ายในกิจกรรม Battle Pass ของแต่ละปี จนปัจจุบันเป็นเกมที่มีเงินรางวัลมากที่สุดในโลก แน่นอนว่าปี 2020 นี้ ผู้เล่น Dota 2 ทั้งโลกเองก็ได้ทำลายสถิติของปีแล้วได้สำเร็จ รวมถึงยังคมเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพราะเวลาของ BP 2020 ยังไม่หมด 

ทั้งหมดที่กล่าวมาเหมือนเป็นการโฆษณาเล็ก ๆ ว่ามันยิ่งใหญ่ได้ โดยการเชื่อมคนทั้งโลกเข้าหากันผ่านเกมกับการแข่งขันมากมายที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนมีบทบาทอันส่งเสริมให้วงการนี้เติบโตไปอย่างมีนัยยะ แต่สิ่งที่มาทำลายวงจรเหล่านั้น คือ COVID-19

แล้วมันทำลายอย่างไร เราก็เห็นว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์โรคระบาด ก็ยังมี event การแข่งขันออกมามากมาย ไม่ว่าจะ OGA Dota PIT Season 2, OMEGA League รวมถึงรายการที่เกิดขึ้นในบ้านเรา อย่าง ESL One Thailand 2020 ทุกรายการก็อลังการเหมือนเดิม ดูสนุกได้แบบเดิม ใช่มันดำเนินจนเหมือนว่าเกือบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเราขอขีดเส้นใต้คำว่า เกือบ 

ใครที่คิดว่าบทความนี้ คือการพูดถึงการเลื่อนวันแข่งของ DPC หรือ TI10 ออกไป ก็บอกเลยว่าคิดถูกแล้ว แต่พูดแค่ในย่อหน้านี้เท่านั้น เพราะเรื่องที่จะพูดกันจริง ๆ คือเรื่องที่วงการ Dota 2 ของเราทุกคนมันอาจจะกำลังดีขึ้นอีกครั้ง ต่างหาก

Dota 2 กำลังจะเปลี่ยนไป

หากใครได้ติดตามวงการ Dota 2 ของทั้งโลก ผลกระทบแรกคือ ไม่มีการเล่นข้ามโซน OMEGA League: EU/CIS, ESL One Thailand 2020 และ OGA Dota PIT Season 2: EU/CIS ชื่อที่กล่าวไปข้างต้นคือชื่อของการแข่งขันที่คุณสามารถเจอได้ในช่วงนี้กับทุกงานระดับใหญ่ ด้วยการที่มีการปิดกั้นประเทศมากมายหลายโซน จึงไม่สามารถมัดรวมทีมดังทั้งโลกมาแข่งในรายการเดียวได้อีกแล้ว ต้องบอกกันตามตรงเลยว่ามีหลายทีมที่นักแข่งอยู่คนละโซนกัน และไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศไปแข่งได้ ดังนั้น หลายทีมจึงต้องหาตัวแทน 

กรณีตัวอย่างมีให้เห็นไม่น้อย เช่น ‘Abed’ Azel L. Yusop ผู้เล่นจากทีม Evil Geniuses ที่ติดอยู่ในบ้านเกิดของตัวเอง เพราะฟิลิปปินส์โดนไปหนักไม่ใช่น้อยกับ COVID-19 แต่อย่างไรก็ต้องดำเนินการแข่งต่อไป ทาง EG จึงได้เอา Danil ‘gpk’ Skutin มาแทน ด้วยความที่ว่าเป็นทีมใหญ่ก็ถือเป็นโชคดีที่หามาได้ บางทีมหาไม่ทันการแข่งก็มีเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น Ocean ที่ตอนนี้รวมกับทีมพี่น้อง อย่าง Blaze จนกำเนิดเป็น Old Boys ตามชื่อเจ้าของทีมนี้

แต่หนึ่งสิ่งที่เหตุการณ์ COVID-19 ทำได้คือ เร่งระยะเวลาการปรับตัวของระบบการแข่ง Dota 2 ให้เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น จะว่าไปตั้งแต่หลัง TI9 ก็มีข่าวมากมายว่าทาง Valve จะเปลี่ยนระบบ Major Minor เป็นแบบ League 

แล้วแบบนี้มันดีกว่ายังไง?

หลายคนในวงการพูดตรงกันว่าทีมที่ไม่ได้เก่งระดับโลกแบบ OG, Nigma, EG หรือแม้กระทั้ง PSD.LGD ที่เรียกันว่า Tier 2 หรือต่ำลงมา มันอยู่รอดค่อนข้างยาก เพราะมีปัจจัยในการอยู่อาศัยมากมายที่ต้องใช้เงิน กับระบบการแข่งขันที่ทำให้มีแค่ Team Tier 1 เท่านั้นที่เด่น หากไม่รับการแข่งภายในประเทศทั้งใหญ่และไม่ใหญ่ ก็อยู่รอดค่อยข้างยาก ดังนั้น พูดได้เต็มปากว่าการแข่งแบบ Zone หรือเกือบจะเป็น League นี้ ทำให้ทีมเล็ก ๆ มีโอกาสเติบโตมากขึ้น วงการก็โตขึ้น คนดูก็เพิ่มขึ้น มีแต่ได้กับได้ การมาของ COVID-19 จึงช่วยเร่งปฏิกิริยาให้วงการปรับตัวได้ง่ายขึ้น

แต่ขอเสียก็มีบ้างเช่น เราอาจจะได้ดูการแข่งระดับ Wolrd Class น้อยลง เพราะเขาไม่ได้ทำแบบข้ามโซนในระดับคัดเลือก เราอาจจะได้เห็น OG เจอกับ PSD.LGD น้อยจำนวนครั้งลง แต่เราก็จะได้อะไรที่ดีกว่ากลับมาอย่างมีนัยสำคัญ

ในบ้านเราเองก็ส่งผลไม่น้อย การมาของ ESL One Thailand 2020 ทำให้ทีมไทยตั้งสองทีมได้มีโอกาสออกไปโลดแล่นในวงการ เช่น Motivade.Trust Gaming ที่ได้มีโอกาสตบ Fnatic ทีมระดับ Tier 1 ในแถบบ้านเราได้สำเร็จ จริง ๆ พวกเขาก็เคยไประดับนั้นกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะตัวโค้ชของทีม พิพัฒน์ ‘LaKelz’ ปริยชาติ แต่นี่คือเครื่องยืนยันตัวแรกที่บอกให้เห็นว่าการจัดแข่งระบบใหม่ ส่งผลดีต่อทีมไทยแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างไร

คงไม่มีใครอยากขอบคุณ COVID-19 เพราะมันทำให้เกิดการสูญเสียกับทุกคนมากน้อยแตกต่างกันไป แต่นี่คือ 2020 ปีเลขสวยแห่งการเริ่มต้นที่ดี ผม เด็กเกาะเบาะ เลยหวังให้วงการของเราชาว Dota 2 ของเรามันจะไปได้ไกลกว่าแค่ทีม Tier 1 เพื่อเราจะได้มีเกมที่หลากหลาย และทีมต่าง ๆ ที่ออกมาโชว์ของดีให้เราได้ดูกันอย่างไม่จบสิ้น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *