Dota หรือ Defense of the Ancients เกมที่เคยเป็นแค่ Mod ของ WarCraft 3 แต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก แม้แต่ในบ้านเรายังแพร่กระจายไปกันอย่างรวดเร็วในนาม DotA “ดอทเอ” แม้จะมีชีวิตมาแล้วมากกว่าเลข 10 ปี แต่เรื่องราวภายในจักรวาลของเกม MOBA นี้ ยังค่อนข้างมืดมัว และหาต้นมาชนกับปลายได้ยาก จนกระทั่ง… Dota Dragon’s Blood
หนึ่งวันแล้ว หลัง Dota Dragon’s Blood ฉายลงบน Netflix คำวิจารณ์จาก Community ออกมามากมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งบน Youtube Facebook แม้กระทั่ง Twitter เองก็ตาม ถือว่าเป็นก้าวแรก อย่างจริงจัง ของ Valve Corporation ที่ได้มีการตีแผ่เรื่องราวของ Universe of Dota 2 แบบลึกข้น จนแฟน ๆ ต่างเรียกร้องให้สร้าง Book (คำที่ทาง Studio ใช้ในการเรียกแทน Season) ต่อไป โดยเร็ว
ก่อนที่จะไปต่อ ผมขอแบ่งคะแนน Dragon’s Blood เป็น 2 ส่วน โดย Part 1 จะตัดสินตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึง Carl (Invoker) เริ่มโผล่มา และ Part 2 คือ หลังจากนั้น จนจบ Book 1 ซึ่งคะแนนออกมาที่… 5.0 คะแนน สำหรับ Part 1 และ 7.5 คะแนน สำหรับ Part 2 นั่นเอง
พอเห็นคะแนนแล้วไม่ต้องรู้สึกหัวร้อนแต่อย่างใด ผมเองก็หัวร้อน ขนาดผมคือโคตร Dota Fanboy เหมือนกับทุกท่าน เล่นมาตั้งแต่ยังเป็น Mod ใน WarCraft 3 จนภาค 2 เป็นเกมเต็มใน Steam ตอนนี้ผมก็ยังเล่น แต่ต้องยอมว่ามัน กากมาก!!! จริง ๆ สำหรับช่วง episode ที่ 1 – 4 แต่ไม่เป็นไร เราไปเริ่มที่ส่วนแรกกันเลย
Storytelling
*** โปรดระวัง Spoil กันด้วยครับ *** จะพยายามดึงเรื่องราวมาใช้ให้น้อยที่สุด เพื่อที่อ่านแล้ว ท่านจะสามารถดูเรื่องนี้ได้ อย่างไม่ขัดใจกันนะครับผม
เรื่องราวของ Dota เริ่มต้นด้วยการที่ทั้ง จักรวาล แยกออกเป็นสองฝ่าย คือ Radiant และ Dire โดยเนื้อเรื่องเจาะไปที่ Davion the Dragon knight ที่ออกเดินทางเพื่อปราบ Dragons (มังกร) ตามเป้าหมาย และเพื่อความสงบสุขของชาวบ้าน
คืนหนึ่งที่เขาพักจากการไล่ล่า Davion ได้พบกับ Mirana เจ้าหญิงไร้ถิ่นพร้อมคนรับใช้ เธอตามหา the sacred luminous lotus ดอกบัวแห่ง Selemene ผู้เป็นนายที่ถูกขโมยไป
เขาก็ได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวอันน่าปวดหัวที่ทำให้ Davion ได้พลังมังกรแห่ง Eldwurm มา และเริ่มออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีจัดการกับพลังไปพร้อมกับ Mirana นับแต่นั้น
นี่คือเรื่องราวใน ep 1 – 3 ที่ผมพยายามสรุปขึ้น แม้ความ Dark ใน Universe of Dota จะทำให้ผมตะลึงอยู่บ้าง (ไม่เหมาะกับเด็กต่ำกว่า 13+) แต่การพยายามตีแผ่ชีวิตโดยการใส่อะไรเข้ามามากมาย และ Transition ที่อย่างกับระดับผู้เริ่มต้น Editor มันทำให้เรา (คนดู) รู้สึกขัดใจกับมันเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการตัด scene ที่ไม่ลื่นไหล การพยายามยัดเยียด environment ภายใน Universe บวกกับการดำเนินเรื่องที่เร็ว (มาก ๆ ๆ ๆ) ในเวลาพอ ๆ กับ anime ที่จำกัด แต่พวกเขาก็พยายามยัดให้ได้เท่า Series ทั่วไป แถมยังมีแค่ 8 ep คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Storytelling จะออกมาแย่เพียงนี้ในช่วงแรก
ถึงแม้ว่าจะทำได้ดีขึ้นมาในช่วงหลังก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ Dota 2 เป็นเกมที่มี Heroes หรือ Character ที่หลากหลาย การจะยัดทั้ง Universe ให้รู้จักใน 8 ep คงเป็นไปได้ยาก
การเริ่มต้นปู Story ให้ที่ไม่เคยรู้จักโลกของ Dota ด้วยการเลือก Character หลักเพียงไม่กี่ตัวเพื่อไปสู่ Main event ถือเป็นวิธีการทำ anime series จากเกมที่ดี เพราะ Dota 2 ไม่เหมือนกับ Warcraft ที่มีโหมด Campaign เป็นตัวกำหนดเนื้อเรื่อง
เอาแหละ ในส่วนของ Storytelling คงบอกได้แค่ว่ามันแย่ แต่การตีความ รวมไปถึงความสมเหตุสมผลค่อนข้างดีเกินกว่าที่คาดไว้ ยกเว้นเรื่อง Romantic relationship ของ Davion กับ Mirana อันนี้เร็วไปเยอะเลย
“ต้องรอจนกว่า Invoker จะโผล่มา ทุกอย่างถึงจะเริ่มดีขึ้น ดีจนผมไม่กล้าเรียกเขาว่า Injoker ต่อเลย ยังไงทนดูหน่อยแล้วกันครับ ถ้าอยากเสพ Dota Universe จริง ๆ”
Graphic
สำหรับงานภาพ Graphic แม้จะไม่ลื่นไหลด้วยการเป็น anime series ที่ 24 frames per second แต่บอกเลยว่า Power เอย Element เอย ทำออกมาได้ดีสมกับที่เป็นงานของ Studio Mir ที่มีผลงานออกมาปีต่อปี อย่าง The Legend of Korra
เรื่องติ!! คงเป็นเรื่องของรายละเอียดของ Main Character ที่ออกมาไม่รับกับความดีงามของ Background และ Object เลย บางฉากเรียกว่าเผาเลยก็ยังได้ แต่ถึงกระนั้น ตอนไหนที่ต้องดีก็คือดีจริง
เรื่องที่ต้องชมเลย คือการทำ 3D ที่ไม่ขัดตา ในช่วง 5 ปีให้หลัง การทำ 3D เป็นอะไรที่กำลังนิยม ทั้งประหยัดเวลาและได้งานที่มีคุณภาพ แต่การทำให้มันมีรายอะเอียดที่ดี ไม่ขัดหูขัดตากับภาพวาด นับว่าน้อยเรื่องที่จะทำให้ดีได้
การเก็บรายอะเอียดของงาน 3D ที่เฉียบคม ทำให้เวลานำมาใช้ งานภาพดูมีมูลค่ามากขึ้นไปอีก แต่มันก็จะมาด้อยตอน effect มากระทบ Skin ของ Character ที่ “แหม่.. เกือบดีแล้วเชียว” ตามตัวอย่างภาพด้านบน
อีกเรื่องที่ต้องชมคงเป็นเรื่องของ Color Tone (โทนสี) จัดว่าสื่ออารมณ์ให้กับ scene นั้น ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ตอนไหนต้องมืด คือ มืด ตอนไหนต้องสว่าง คือ สว่าง อยากให้เรื่องอื่นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นต้นแบบผลงานทางด้าน Theme and Tone
DOTA: Dragon’s Blood ผลิตขึ้นโดย Ashley Miller นักเขียนดัง ผู้เป็นที่รู้จักกันดีจากผลงานของเขา ใน Thor และ X-Men: First Class อย่างที่เรากล่าวไปในครั้งที่แล้ว
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับ Dota Universe จากการแบกของ Invoker บอกเลยว่าไปต่อได้แน่นอน แต่หากทีมของ Miller อยากทำให้ Dota ในโลกของ anime Series ได้ไปต่อยาว ๆ ใน Book ต่อจากนี้ พวกเขาต้องทำการบ้านให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเทคนิคการ Editor ถ้าไม่อย่างนั้น… เดี๋ยวนายทุนใหญ่แห่งโลก Dota จะไม่พอใจเอานะ
เรื่องราวต่อจากนี้ ใน Book 2
Book หน้าใน Dota: Dragon Blood จะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องติดตามต่อไป แต่ที่แน่ ๆ เราจะได้เห็นพ่อคนดี Invoker ออกมาปล่อยพลังเพื่อเป้าหมายของเขาอย่างไร แล้วจักรวาลจะขยายไปถึง Main event หรือไม่ โปรดติดตาม